การตรวจระบบไฟฟ้า

ทำไมใน1ปี เราควรตรวจระบบไฟฟ้า ในบางบ้านนั้นอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องตรวจระบบไฟฟ้าภายในบ้านก็ได้เพราะยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ แต่อาจลืมไปว่าการใช้งานของระบบไฟฟ้ามีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา  นั้นก็เหมือนการตรวจสุขภาพประจำปีของคนเรานั้นเอง ในระบบไฟฟ้านั้นอาจมีการคลายตัวของ นอต หรืออาจมีปัญหาเกิดขึ้นโดยที่มองด้วยตาเปล่าที่ไม่สามารถรับรู้ได้

     - ต้องมีฝาครอบปิดเบรกเกอร์ให้มิดชิด
     - ต้องติดตั้งในที่แห้งไม่เปียกชื้นและห่างไกลจากสารเคมีสารไวไฟต่าง ๆ
     - เลือกเบรกเกอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
     - ส่วนเบรกเกอร์ที่มีกันดูด ควรเทสระบบกันดูดด้วยเพื่อดูการทำงานว่ายังมีประสิทธิภาพหรือไม่ ถ้าหากไม่สามารถใช้งานได้ควรรีบเปลี่ยนทันที

     - ลองเอามือแตะสวิตช์ ถ้าร้อนแสดงว่า ไฟฟ้าไหลผ่านไปมาไม่สะดวก จนทำให้สวิตช์ร้อนง่าย
     - การติดตั้งสวิตช์ ต้องให้ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้

     - เต้ารับ เต้าเสียบ ต้องไม่มีรอยไหม้
     - การต่อสายที่เต้ารับและเต้าเสียบ ต้องให้แน่น และใช้ขนาดสายให้ถูกต้อง
     - เต้าเสียบ เมื่อเสียบใช้งานกับเต้ารับต้องแน่น เต้ารับ
     - ต้องติดตั้งในที่แห้ง ไม่เปียกชื้นหรือมีน้ำท่วม และควรติดให้พ้นมือเด็กเล็กที่อาจเล่นถึงได้

     - ขนาดของสายไฟต้องเหมาะสมกับปริมาณของกระแสไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในวงจรนั้น ๆ
     - สายไฟฟ้าเก่าหรือหมดอายุใช้งาน สังเกตได้จากฉนวนจะแตกหรือแห้งกรอบบวม
     - ฉนวนสายไฟชำรุด อาจเกิดจากหนูหรือแมลงกัดแทะหรือวางของหนักทับ เดินสายไฟใกล้แหล่งความร้อน ถูกของมีคมบาด
     - จุดต่อสายไฟต้องแน่น เพื่อป้องกันการทำงานของสายไฟ
     - สายไฟฟ้าต้องไม่อยู่ใกล้แหล่งความร้อน สารเคมี หรือถูกของหนักทับ เพราะอาจจะทำให้ฉนวนชำรุด และเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้
     - สายไฟฟ้าต้องไม่พาดบนโครงเหล็ก รั้วเหล็ก หรือรั้วสังกะสี เพราะอาจเกิดการเสียดสีจนทำให้กระแสสไฟฟ้ารั่ว